การทำธุรกิจ E-Commerce ที่ปัจจุบันไม่ได้ยึดติดอยู่แค่เป็นการขายสินค้าออนไลน์ แต่มันถูกพัฒนาใหม่ให้ออกมาเป็นสินค้าและบริการที่มีความหลากหลายในรูปแบบ มีทั้งรูปแบบการตลาดแบบขายตรงหรือ Network Marketing การเพิ่มช่องทางการชำระเงินค่าสินค้าและบริการให้สามารถจ่ายออนไลน์หรือจ่ายตามตู้ ATM หรือตาม 7-ELEVEN หรือแม้แต่พวกนักพัฒนาแนว Fin Tech ที่พัฒนาซอฟต์แวร์ให้บริการทางการเงินแบบออนไลน์ในรูปแบบเงินอีเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
เมื่อธุรกิจ E-Commerce ได้เปลี่ยนเป็นธุรกิจต่างๆ ได้มากมายขนาดนี้แล้ว จึงอยากนำเสนอข้อมูลที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้ที่มีส่วนในการพัฒนาธุรกิจและองค์กรของคุณ ในการนำเทคนิคเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้หรือเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจและเว็บไซต์ E-Commerce ของคุณให้ประสบความสำเร็จต่อไป
E-commerce คืออะไร?
ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์, อีคอมเมิร์ซ หรือ E-commerce คือ การดำเนินการซื้อขายสินค้าและบริการด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรืออินเทอร์เน็ต พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการซื้อขายกันแบบออนไลน์นั่นเอง[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]
เทคนิคในการสร้างธุรกิจ E-Commerce
1. กำหนดเป้าหมาย E-commerce ของคุณ
การตั้งเป้าหมาย ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือการดึงดูดลูกค้าจำนวนหนึ่งหรือสร้างรายได้จำนวนหนึ่งภายในระยะเวลาที่กำหนด คุณจะสามารถตัดสินประสิทธิภาพของร้านค้าออนไลน์ของคุณและความพยายามของแคมเปญอีคอมเมิร์ซของคุณด้วยเป้าหมายที่ตั้งไว้
2. พัฒนาบุคลิกผู้ซื้อ (Buyer Personas)
ลักษณะของผู้ซื้อที่เป็นตัวแทนของลูกค้าที่ “สมบูรณ์แบบ” ของคุณ ซึ่งคุณสามารถนำมาใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นเพื่อพัฒนาลูกค้าจริง เพื่อช่วยให้คุณมุ่งเน้นความพยายามของคุณได้อย่างถูกต้อง
3. ระบุข้อเสนอและคุณค่าที่มีเอกลักษณ์
ลูกค้าจะเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณนำเสนอกับคู่แข่งของคุณเสมอ ดังนั้นควรระบุสิ่งที่นำเสนอคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ของคุณ และทำให้ผู้ที่เห็นจะมีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณมีความชัดเจน
4. มุ่งเน้นที่การสร้างเนื้อหาบนเว็บ E-commerce
สิ่งสำคัญที่แทบจะเป็นหัวใจสำคัญที่สุด คือการให้ความสำคัญกับการสร้างเนื้อหาของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเขียนคำอธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณขายในหน้าอีคอมเมิร์ซของคุณโดยละเอียด คำอธิบายเหล่านี้ควรเน้นถึงประโยชน์และคุณสมบัติของสินค้า/บริการของคุณ ลูกค้าควรอ่านและทำความเข้าใจได้ง่าย
5. เข้าใจและวิเคราะห์คู่แข่ง
การรู้จักคู่แข่งสำคัญพอๆ กับการรู้จักลูกค้าของคุณ ดังนั้นให้ลองค้นหาจุดเด่นในแง่มุมต่างๆ ที่ทำให้คู่แข่งของคุณประสบความสำเร็จ ตลอดจนข้อด้อยหรือสิ่งที่พวกเขาอาจยังขาดตกบกพร่องไป
6. สร้างร้านค้า E-commerce
สิ่งต่อไปที่ต้องทำ คือ สร้างร้านค้าของคุณด้วยการเลือกแพลตฟอร์มโฮสติ้งอีคอมเมิร์ซต่างๆ ที่เหมาะสม ที่สามารถทำให้การตั้งค่าร้านค้าของคุณง่ายขึ้น มองหาแพลตฟอร์มที่มีเทมเพลตที่คุณชอบและตอบโจทย์บุคลิกของสินค้า ตลอดจนเครื่องมือที่ใช้งานง่าย
7. ส่งเสริมธุรกิจ E-commerce
ขั้นต่อไป คือมุ่งความสนใจไปที่การทำการตลาดอีคอมเมิร์ซ เคล็ดลับในการทำการตลาดอีคอมเมิร์ซ คือ การหาช่องทางที่เหมาะสมในการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของคุณ อาจเริ่มต้นด้วยการโปรโมตธุรกิจของคุณบนช่องทางการตลาดฟรี จากนั้นย้ายไปยังช่องทางแบบชำระเงินเมื่อคุณสร้างการรับรู้ได้ดีระดับหนึ่งแล้ว
ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในวงการ E-Commerce
1. มอบการบริการที่น่าประทับใจแก่ลูกค้า
การให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมจึงมีความสำคัญมากต่อความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจ ทางที่ดีคือควรสร้างเนื้อหาแบบบริการตนเอง และมีหน้าเกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อย (Q&A) โดยละเอียด หรือให้การสนับสนุนลูกค้าทางระบบแชต หรือหาวิธีจูงใจให้พวกเขารีวิวผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าคนอื่นๆ
2. มุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพ Conversion
สิ่งที่หลายร้านค้าออนไลน์ต้องเจอ คือ จะมีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์จำนวนหนึ่งที่ออกจากเว็บไซต์ไปโดยไม่จบลงด้วยการซื้อ ลองคิดเล่นๆ ว่ารายได้ของคุณจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่หากคุณปิดยอดขายเหล่านั้นได้แทนที่จะสูญเสียคนเหล่านี้ไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นหมั่นเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางของลูกค้า เพื่อเพิ่มอัตรา Conversion ให้ได้มากที่สุด
3. ปรับปรุงประสิทธิภาพร้านค้า
เมื่อคุณได้วางรากฐานสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญคือการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ของคุณ สร้างแถบการนำทางที่ใช้งานง่าย มุ่งเน้นไปที่การสร้างหน้าผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม แสดงรายการที่เกี่ยวข้อง เพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาร้านค้าของคุณ สุดท้าย ตรวจสอบว่าร้านค้าของคุณมีหน้าตาเป็นอย่างไรบนอุปกรณ์มือถือ
4. นำความคิดเห็นของลูกค้ามาปรับปรุงธุรกิจ
ความคิดเห็นของลูกค้าสำคัญที่สุด ถามพวกเขาว่าพวกเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ และการบริการลูกค้าของคุณ ตลอดจนสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์ของพวกเขา คุณสามารถทำได้โดยการเพิ่มกล่องข้อเสนอแนะในเว็บไซต์ของคุณ
5. อัปเดตสินค้าคงคลังอยู่เสมอ
ควรมองหาแนวคิดเกี่ยวกับการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าแวะเข้ามาที่ร้านของคุณอยู่ประจำ ข้อควรจำ คือ อย่าพึ่งพาผลิตภัณฑ์เพียงไม่กี่อย่างเพื่อกระตุ้นยอดขายทั้งหมด
ขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะช่วยให้ธุรกิจ E- Commerce ของคุณกลายเป็นร้านที่ดูทรงคุณค่า มีสิ่งดึงดูดลูกค้า ทั้งคนที่เข้ามาในร้านครั้งแรกและลูกค้าที่เคยมาซื้อกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง ที่ คาร์ซบิท (Cart-Biz) มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดสำหรับธุรกิจ E-commerce โดยเฉพาะ และมี E-commerce Solution ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้ทุกขนาด